บทที่ 2 รายงานทางการเงิน
1. สินทรัพย์ (Assets) หมายถึง ทรัพยากรที่อยู่ในความควบคุมของกิจการ เป็นผลของเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1.1 สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets) หมายถึงสินทรัพย์ที่กิจการมีไว้ในการหมุนเวียนของเงินทุนปกติ สินทรัพย์จะจัดเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนเมื่อ
- สินทรัพย์นั้นเป็นเงินสดซึ่งไม่มีข้อจำกัดในการใช้
- กิจการมีวัตถุประสงค์หลักที่จะถือสินทรัพย์ไว้เพื่อการค้า หรือถือไว้ในระยะสั้น
- กิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์นั้น
ตัวอย่างรายการของสินทรัพย์หมุนเวียน ได้แก่ เงินสด, เงินลงทุนระยะสั้น (เช่น หุ้นสามัญ, หุ้นบุริมสิทธิ), ลูกหนี้การค้า, สินค้าคงเหลือ, ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า, ตั๋วเงินรับ
1.2 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (Non – Current Assets) เป็นทรัพยากรที่กิจการมีไว้ในครอบครองที่มีอายุให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจนานกว่า 1รอบระยะเวลาการดำเนินงาน โดยแบ่งเป็นประเภทได้ คือ
· สินทรัพย์ที่มีตัวตน (Tangible Assets)
· สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน (Intangible Assets)
ตัวอย่างรายการของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ได้แก่ เงินลงทุนระยะยาว, ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์, สินทรัพย์ไม่มีตัวตน
2.หนี้สิน (Liability) หมายถึง เป็นภาระผูกพันในปัจจุบันของกิจการโดยจะเป็นผลของเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งจะทำให้กิจการเสียทรัพย์ในอนาคต โดยการจ่ายคืนภาระผูกพันนั้น รายการหนี้สินต้องมีลักษณะดังนี้
- เป็นภาระผูกพันในปัจจุบัน
- เป็นผลของเหตุการณ์ในอดีต
- คาดว่าจะสูญเสียทรัพยากรที่มีประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต
หนี้สินสามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภทคือ
2.1 หนี้สินหมุนเวียน (Current Liability) หมายถึงหนี้สินที่จะถึงกำหนดชำระภายใน 12 เดือนนับจากวันที่ในงบดุล นอกจากนี้ยังรวมถึงหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี
ตัวอย่างของรายการที่จัดเป็นหนี้สินหมุนเวียน ได้แก่ เงินกู้ยืมจากธนาคารและเงินกู้ยืมอื่น, ส่วนของหนี้ระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี, เจ้าหนี้การค้า และเจ้าหนี้อื่น, ภาษี และค่าใช้จ่ายค้างจ่าย, เงินปันผลค้างจ่าย, รายได้รอการตัดบัญชี, เงินรับล่วงหน้าจากลูกค้า, หนี้สินโดยประมาณ
2.2 หนี้สินไม่หมุนเวียน (Non - Current Liability) เป็นหนี้สินที่ไม่สามารถจัดอยู่ในประเภทของหนี้สินหมุนเวียนได้ และยังรวมถึงหนี้สินที่ไม่ถึงกำหนดชำระภายใน 12 เดือนนับจากวันที่ในงบดุล
ตัวอย่างของรายการที่จัดเป็นหนี้สินไม่หมุนเวียน ได้แก่ หุ้นกู้, ตั๋วเงินจ่าย, ภาษีเงินได้รอ,การตัดบัญชี, หนี้สินตามสัญญาเช่า
หนี้สินไม่หมุนเวียนโดยทั่วไปจะเกิดได้ 3 รูปแบบ
1. การเกิดหนี้สินไม่หมุนเวียนจากการดำเนินงานตามปกติของกิจการ
2. การเกิดหนี้สินไม่หมุนเวียนจากการจัดหาเงิน
3. การเกิดหนี้สินไม่หมุนเวียนที่เหตุการณ์ดังกล่าวอาจมีโอกาสเกิดหรือไม่มีโอกาสก็ได้ (โดยขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในอนาคต)
3. ส่วนของเจ้าของ (Stockholder’s Equity) หมายถึงส่วนได้เสียคงเหลือในสินทรัพย์ของกิจการหลักจากหักหนี้สินทั้งสิ้นออกแล้ว การแสดงรายละเอียดจะขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจในหัวข้อของการนำเสนองบดุล เช่น ทุน เงินถอน ทุนเรือนหุ้น กำไรสะสม เป็นต้น
4. รายได้ (Revenue) หมายถึงการเพิ่มขึ้นของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลาบัญชีในรูปของกระแสเข้าหรือการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ หรือการลดลงของหนี้สิน จะทำให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขั้น แต่ไม่รวมเงินทุนที่ได้รับจากเจ้าของ ใช้เกณฑ์การพิจารณาดังนี้
1. ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
2. กระแสเข้าหรือการเพิ่มค่าของสินทรัพย์
3. การลดลงของหนี้สิน
4. ส่งผลให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น
5. ไม่รวมเงินลงทุนที่ได้รับจากผู้เป็นเจ้าของ
5. ค่าใช้จ่าย (Expense) หมายถึงการลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลาบัญชีในรูปของกระแสออก หรือการลดลงของสินทรัพย์ หรือการเพิ่มขึ้นของหนี้สิน ซึ่งทำให้ส่วนของเจ้าของลดลง แต่จะไม่รวมการแบ่งปันส่วนทุนให้กับผู้เป็นเจ้าของ ใช้เกณฑ์การพิจารณาดังนี้
1. การลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
2. กระแสออกหรือการลดลงของสินทรัพย์
3. การเพิ่มขึ้นของหนี้สิน
4. ส่งผลให้ส่วนของเจ้าของลดลง
5. ไม่รวมการแบ่งปันส่วนที่ให้กับผู้เป็นเจ้าของ
ค่าใช้จ่ายสามารถจำแนกเป็น ต้นทุนขาย หรือต้นทุนการให้บริการ, ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร, ค่าใช้จ่ายอื่น
ทุน หรือส่วนของเจ้าของ
การจัดประเภทในบัญชีทุนจะแตกต่างกันตามประเภทของกิจการต่างๆ ดังนี้
1. กิจการเจ้าของคนเดียว ในส่วนของเจ้าของกิจการ ประกอบด้วยผลรวมของเงินลงทุน เงินถอนทุน ผลกำไรและขาดทุน
ในส่วนของเจ้าของกิจการในแต่ละปีเมื่อมีกำไรสุทธิประจำปีจะแสดง ดังนี้
ส่วนของเจ้าของกิจการ บาท
ทุน-นายโดม (1 มกราคม 25x1) 100,000
บวก กำไรสุทธิปี 25x1 10,000 110,000
แต่ถ้าในระหว่างปีเจ้าของกิจการได้ถอนเงินสดหรือสินทรัพย์ของกิจการไปใช้ส่วนตัว ซึ่งทำให้ส่วนของเจ้าของกิจการลดลง จะต้องนำไปหักในส่วนของเจ้าของกิจการ ดังนี้
ส่วนของเจ้าของกิจการ บาท
ทุน-นายโดม (1 มกราคม 25x1) 100,000
บวก กำไรสุทธิปี 25x1 10,000 110,000
หัก เงินถอนทุน 20,000 90,000
ถ้าในระหว่างปีเจ้าของได้นำเงินมาลงทุนเพิ่ม จะทำให้ส่วนของเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้น ก็ต้องนำมาหักในส่วนของเจ้าของกิจการ ดังนี้
ส่วนของเจ้าของกิจการ บาท
ทุน-นายโดม (1 มกราคม 25x1) 100,000
บวก กำไรสุทธิปี 25x1 10,000
เงินลงทุนเพิ่ม 30,000 140,000
หัก เงินถอนทุน 20,000 120,000
2. กิจการห้างหุ้นส่วน ส่วนของเจ้าของกิจการเป็นผลรวมของทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ซึ่งทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคน ประกอบด้วยผลรวมของเงินลงทุน เงินถอน และส่วนแบ่งผลกำไรและขาดทุน
ในการบันทึกในส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วนบันทึกได้ 2 วิธีคือ
1. วิธีทุนคงที่ จะบันทึกเฉพาะรายการ การลงทุน การลดทุน และการลงทุนเพิ่มเท่านั้น ฉะนั้นจะมีบัญชีที่เกี่ยวกับบัญชีทุน 2 บัญชี คือ บัญชีทุน และบัญชีกระแสทุน
การแสดงรายการจะเป็นดังนี้
ส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน บาท
ทุน- นายอรุณ 40,000
ทุน- นายแสวง 10,000 50,000
กระแสทุน- นายอรุณ 4,000
กระแสทุน- นายแสวง 1,000 5,000 55,000
2. วิธีทุนไม่คงที่ ตามวิธีนี้ การบันทึกบัญชีในบัญชีทุนจะบันทึกทุกรายการที่กระทบกระเทือนกับทุน
การแสดงรายการจะเป็นดังนี้
ส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน บาท
ทุน- นายอรุณ 44,000
ทุน- นายแสวง 11,000 88,000
3. กิจการบริษัทจำกัด บริษัทจำกัด มี 2 ประเภท คือ บริษัทเอกชน จำกัด และบริษัทมหาชน จำกัด ทุนของบริษัทเอกชน จำกัดหรือบริษัทมหาชน จำกัด เรียกว่า ส่วนของผู้ถือหุ้น ส่วนเงินที่ผู้ถือหุ้นมาลง เรียกว่า บัญชีทุนเรือนหุ้น กิจการในรูปบริษัทออกจำหน่ายหุ้นในราคาตามมูลค่า หรือราคาสูงกว่ามูลค่าหุ้น ในกรณีบริษัทมหาชน จำกัด อาจจำหน่ายหุ้นในราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นด้วย ถ้าจำหน่ายหุ้นในราคาที่สูงกว่ามูลค่าหุ้น จะบันทึกไว้ในบัญชีส่วนเกินมูลค่าหุ้น และเมื่อบริษัทมีกำไรหรือขาดทุนจะบันทึกไว้ในบัญชีกำไรสะสมหรือขาทุนสะสม กรณีบริษัทมีกำไรมากก็จะจ่ายผลตอบแทนกลับไปให้ผู้ถือหุ้นเรียกว่า เงินปันผล หรือนำไปตั้งเป็นสำรองต่างๆ
การแสดงรายการส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นดังนี้
ส่วนของผู้ถือหุ้น
ทุนเรือนหุ้น-หุ้นบุริมสิทธิ์ 8% 500,000
ทุนเรือนหุ้น-หุ้นสามัญ 400,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ 100,000
กำไรสะสม 40,000 1,040,000
งบการเงิน
งบการเงิน คือ รายงานทางการเงินที่จัดทำขึ้นเพื่อวัดผลการดำเนินงานของกิจการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง งบการเงินที่สำคัญประกอบด้วย
1)งบกำไรขาดทุน หมายถึงงบการเงินที่แสดงผลการดำเนินงานของกิจการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยแสดงรายได้หักค่าใช้จ่าย แล้วอยู่ในรูปของกำไรหรือขาดทุน ถ้ารายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายคือกำไร ถ้าค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้คือขาดทุน
2)งบดุล หมายถึงงบการเงินที่แสดงฐานะของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่ง โดยแสดงสินทรัพย์ที่กิจการเป็นจ้าของ แสดงหนี้สินที่กิจการต้องจ่ายชำระ และแสดงส่วนของเจ้าของที่กิจการเป็นเจ้าของ รวมทั้งส่วนที่เจ้าของนำมาลงทุน
3)งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น หมายถึงงบการเงินที่แสดงทั้งการเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นเจ้าของ ถ้าเป็นกิจการเจ้าของคนเดียว จะประกอบด้วยบัญชีทุน และบัญชีเงินถอน หากเป็นกิจการห้างหุ้นส่วน จะประกอบด้วยบัญชีทุนและบัญชีเดินสะพัดของหุ้นส่วนแต่ละคน ถ้าเป็นกิจการบริษัทจำกัด จะเรียกว่างบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น ส่วนของเจ้าของจะเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการเพิ่มทุน ถอนทุน กำไร ขาดทุน และแบ่งผลตอบแทนคืนแก่เจ้าของ และในทางปฏิบัติกิจการในรูปบริษัทอาจจะมีงบกำไร (ขาดทุน) สะสมเพื่อแสดงรายละเอียดของการเพิ่มขึ้นและลดลงในระหว่างปีของกำไรสะสม
4)งบกระแสเงินสด หมายถึงงบการเงินที่แสดงการเคลื่อนไหวของเงินสดและรายการที่เทียบเท่าเงินสดของกิจการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง งบกระแสเงินสดจะแสดงเงินสดที่ได้รับและจ่ายออกไปที่เกิดขึ้นตาม 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรมลงทุนและกิจกรรมจัดหาเงิน
1. สินทรัพย์ (Assets) หมายถึง ทรัพยากรที่อยู่ในความควบคุมของกิจการ เป็นผลของเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1.1 สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets) หมายถึงสินทรัพย์ที่กิจการมีไว้ในการหมุนเวียนของเงินทุนปกติ สินทรัพย์จะจัดเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนเมื่อ
- สินทรัพย์นั้นเป็นเงินสดซึ่งไม่มีข้อจำกัดในการใช้
- กิจการมีวัตถุประสงค์หลักที่จะถือสินทรัพย์ไว้เพื่อการค้า หรือถือไว้ในระยะสั้น
- กิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์นั้น
ตัวอย่างรายการของสินทรัพย์หมุนเวียน ได้แก่ เงินสด, เงินลงทุนระยะสั้น (เช่น หุ้นสามัญ, หุ้นบุริมสิทธิ), ลูกหนี้การค้า, สินค้าคงเหลือ, ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า, ตั๋วเงินรับ
1.2 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (Non – Current Assets) เป็นทรัพยากรที่กิจการมีไว้ในครอบครองที่มีอายุให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจนานกว่า 1รอบระยะเวลาการดำเนินงาน โดยแบ่งเป็นประเภทได้ คือ
· สินทรัพย์ที่มีตัวตน (Tangible Assets)
· สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน (Intangible Assets)
ตัวอย่างรายการของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ได้แก่ เงินลงทุนระยะยาว, ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์, สินทรัพย์ไม่มีตัวตน
2.หนี้สิน (Liability) หมายถึง เป็นภาระผูกพันในปัจจุบันของกิจการโดยจะเป็นผลของเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งจะทำให้กิจการเสียทรัพย์ในอนาคต โดยการจ่ายคืนภาระผูกพันนั้น รายการหนี้สินต้องมีลักษณะดังนี้
- เป็นภาระผูกพันในปัจจุบัน
- เป็นผลของเหตุการณ์ในอดีต
- คาดว่าจะสูญเสียทรัพยากรที่มีประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต
หนี้สินสามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภทคือ
2.1 หนี้สินหมุนเวียน (Current Liability) หมายถึงหนี้สินที่จะถึงกำหนดชำระภายใน 12 เดือนนับจากวันที่ในงบดุล นอกจากนี้ยังรวมถึงหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี
ตัวอย่างของรายการที่จัดเป็นหนี้สินหมุนเวียน ได้แก่ เงินกู้ยืมจากธนาคารและเงินกู้ยืมอื่น, ส่วนของหนี้ระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี, เจ้าหนี้การค้า และเจ้าหนี้อื่น, ภาษี และค่าใช้จ่ายค้างจ่าย, เงินปันผลค้างจ่าย, รายได้รอการตัดบัญชี, เงินรับล่วงหน้าจากลูกค้า, หนี้สินโดยประมาณ
2.2 หนี้สินไม่หมุนเวียน (Non - Current Liability) เป็นหนี้สินที่ไม่สามารถจัดอยู่ในประเภทของหนี้สินหมุนเวียนได้ และยังรวมถึงหนี้สินที่ไม่ถึงกำหนดชำระภายใน 12 เดือนนับจากวันที่ในงบดุล
ตัวอย่างของรายการที่จัดเป็นหนี้สินไม่หมุนเวียน ได้แก่ หุ้นกู้, ตั๋วเงินจ่าย, ภาษีเงินได้รอ,การตัดบัญชี, หนี้สินตามสัญญาเช่า
หนี้สินไม่หมุนเวียนโดยทั่วไปจะเกิดได้ 3 รูปแบบ
1. การเกิดหนี้สินไม่หมุนเวียนจากการดำเนินงานตามปกติของกิจการ
2. การเกิดหนี้สินไม่หมุนเวียนจากการจัดหาเงิน
3. การเกิดหนี้สินไม่หมุนเวียนที่เหตุการณ์ดังกล่าวอาจมีโอกาสเกิดหรือไม่มีโอกาสก็ได้ (โดยขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในอนาคต)
3. ส่วนของเจ้าของ (Stockholder’s Equity) หมายถึงส่วนได้เสียคงเหลือในสินทรัพย์ของกิจการหลักจากหักหนี้สินทั้งสิ้นออกแล้ว การแสดงรายละเอียดจะขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจในหัวข้อของการนำเสนองบดุล เช่น ทุน เงินถอน ทุนเรือนหุ้น กำไรสะสม เป็นต้น
4. รายได้ (Revenue) หมายถึงการเพิ่มขึ้นของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลาบัญชีในรูปของกระแสเข้าหรือการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ หรือการลดลงของหนี้สิน จะทำให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขั้น แต่ไม่รวมเงินทุนที่ได้รับจากเจ้าของ ใช้เกณฑ์การพิจารณาดังนี้
1. ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
2. กระแสเข้าหรือการเพิ่มค่าของสินทรัพย์
3. การลดลงของหนี้สิน
4. ส่งผลให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น
5. ไม่รวมเงินลงทุนที่ได้รับจากผู้เป็นเจ้าของ
5. ค่าใช้จ่าย (Expense) หมายถึงการลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลาบัญชีในรูปของกระแสออก หรือการลดลงของสินทรัพย์ หรือการเพิ่มขึ้นของหนี้สิน ซึ่งทำให้ส่วนของเจ้าของลดลง แต่จะไม่รวมการแบ่งปันส่วนทุนให้กับผู้เป็นเจ้าของ ใช้เกณฑ์การพิจารณาดังนี้
1. การลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
2. กระแสออกหรือการลดลงของสินทรัพย์
3. การเพิ่มขึ้นของหนี้สิน
4. ส่งผลให้ส่วนของเจ้าของลดลง
5. ไม่รวมการแบ่งปันส่วนที่ให้กับผู้เป็นเจ้าของ
ค่าใช้จ่ายสามารถจำแนกเป็น ต้นทุนขาย หรือต้นทุนการให้บริการ, ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร, ค่าใช้จ่ายอื่น
ทุน หรือส่วนของเจ้าของ
การจัดประเภทในบัญชีทุนจะแตกต่างกันตามประเภทของกิจการต่างๆ ดังนี้
1. กิจการเจ้าของคนเดียว ในส่วนของเจ้าของกิจการ ประกอบด้วยผลรวมของเงินลงทุน เงินถอนทุน ผลกำไรและขาดทุน
ในส่วนของเจ้าของกิจการในแต่ละปีเมื่อมีกำไรสุทธิประจำปีจะแสดง ดังนี้
ส่วนของเจ้าของกิจการ บาท
ทุน-นายโดม (1 มกราคม 25x1) 100,000
บวก กำไรสุทธิปี 25x1 10,000 110,000
แต่ถ้าในระหว่างปีเจ้าของกิจการได้ถอนเงินสดหรือสินทรัพย์ของกิจการไปใช้ส่วนตัว ซึ่งทำให้ส่วนของเจ้าของกิจการลดลง จะต้องนำไปหักในส่วนของเจ้าของกิจการ ดังนี้
ส่วนของเจ้าของกิจการ บาท
ทุน-นายโดม (1 มกราคม 25x1) 100,000
บวก กำไรสุทธิปี 25x1 10,000 110,000
หัก เงินถอนทุน 20,000 90,000
ถ้าในระหว่างปีเจ้าของได้นำเงินมาลงทุนเพิ่ม จะทำให้ส่วนของเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้น ก็ต้องนำมาหักในส่วนของเจ้าของกิจการ ดังนี้
ส่วนของเจ้าของกิจการ บาท
ทุน-นายโดม (1 มกราคม 25x1) 100,000
บวก กำไรสุทธิปี 25x1 10,000
เงินลงทุนเพิ่ม 30,000 140,000
หัก เงินถอนทุน 20,000 120,000
2. กิจการห้างหุ้นส่วน ส่วนของเจ้าของกิจการเป็นผลรวมของทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ซึ่งทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคน ประกอบด้วยผลรวมของเงินลงทุน เงินถอน และส่วนแบ่งผลกำไรและขาดทุน
ในการบันทึกในส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วนบันทึกได้ 2 วิธีคือ
1. วิธีทุนคงที่ จะบันทึกเฉพาะรายการ การลงทุน การลดทุน และการลงทุนเพิ่มเท่านั้น ฉะนั้นจะมีบัญชีที่เกี่ยวกับบัญชีทุน 2 บัญชี คือ บัญชีทุน และบัญชีกระแสทุน
การแสดงรายการจะเป็นดังนี้
ส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน บาท
ทุน- นายอรุณ 40,000
ทุน- นายแสวง 10,000 50,000
กระแสทุน- นายอรุณ 4,000
กระแสทุน- นายแสวง 1,000 5,000 55,000
2. วิธีทุนไม่คงที่ ตามวิธีนี้ การบันทึกบัญชีในบัญชีทุนจะบันทึกทุกรายการที่กระทบกระเทือนกับทุน
การแสดงรายการจะเป็นดังนี้
ส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วน บาท
ทุน- นายอรุณ 44,000
ทุน- นายแสวง 11,000 88,000
3. กิจการบริษัทจำกัด บริษัทจำกัด มี 2 ประเภท คือ บริษัทเอกชน จำกัด และบริษัทมหาชน จำกัด ทุนของบริษัทเอกชน จำกัดหรือบริษัทมหาชน จำกัด เรียกว่า ส่วนของผู้ถือหุ้น ส่วนเงินที่ผู้ถือหุ้นมาลง เรียกว่า บัญชีทุนเรือนหุ้น กิจการในรูปบริษัทออกจำหน่ายหุ้นในราคาตามมูลค่า หรือราคาสูงกว่ามูลค่าหุ้น ในกรณีบริษัทมหาชน จำกัด อาจจำหน่ายหุ้นในราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นด้วย ถ้าจำหน่ายหุ้นในราคาที่สูงกว่ามูลค่าหุ้น จะบันทึกไว้ในบัญชีส่วนเกินมูลค่าหุ้น และเมื่อบริษัทมีกำไรหรือขาดทุนจะบันทึกไว้ในบัญชีกำไรสะสมหรือขาทุนสะสม กรณีบริษัทมีกำไรมากก็จะจ่ายผลตอบแทนกลับไปให้ผู้ถือหุ้นเรียกว่า เงินปันผล หรือนำไปตั้งเป็นสำรองต่างๆ
การแสดงรายการส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นดังนี้
ส่วนของผู้ถือหุ้น
ทุนเรือนหุ้น-หุ้นบุริมสิทธิ์ 8% 500,000
ทุนเรือนหุ้น-หุ้นสามัญ 400,000
ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ 100,000
กำไรสะสม 40,000 1,040,000
งบการเงิน
งบการเงิน คือ รายงานทางการเงินที่จัดทำขึ้นเพื่อวัดผลการดำเนินงานของกิจการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง งบการเงินที่สำคัญประกอบด้วย
1)งบกำไรขาดทุน หมายถึงงบการเงินที่แสดงผลการดำเนินงานของกิจการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยแสดงรายได้หักค่าใช้จ่าย แล้วอยู่ในรูปของกำไรหรือขาดทุน ถ้ารายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายคือกำไร ถ้าค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้คือขาดทุน
2)งบดุล หมายถึงงบการเงินที่แสดงฐานะของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่ง โดยแสดงสินทรัพย์ที่กิจการเป็นจ้าของ แสดงหนี้สินที่กิจการต้องจ่ายชำระ และแสดงส่วนของเจ้าของที่กิจการเป็นเจ้าของ รวมทั้งส่วนที่เจ้าของนำมาลงทุน
3)งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น หมายถึงงบการเงินที่แสดงทั้งการเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นเจ้าของ ถ้าเป็นกิจการเจ้าของคนเดียว จะประกอบด้วยบัญชีทุน และบัญชีเงินถอน หากเป็นกิจการห้างหุ้นส่วน จะประกอบด้วยบัญชีทุนและบัญชีเดินสะพัดของหุ้นส่วนแต่ละคน ถ้าเป็นกิจการบริษัทจำกัด จะเรียกว่างบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น ส่วนของเจ้าของจะเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการเพิ่มทุน ถอนทุน กำไร ขาดทุน และแบ่งผลตอบแทนคืนแก่เจ้าของ และในทางปฏิบัติกิจการในรูปบริษัทอาจจะมีงบกำไร (ขาดทุน) สะสมเพื่อแสดงรายละเอียดของการเพิ่มขึ้นและลดลงในระหว่างปีของกำไรสะสม
4)งบกระแสเงินสด หมายถึงงบการเงินที่แสดงการเคลื่อนไหวของเงินสดและรายการที่เทียบเท่าเงินสดของกิจการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง งบกระแสเงินสดจะแสดงเงินสดที่ได้รับและจ่ายออกไปที่เกิดขึ้นตาม 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรมลงทุนและกิจกรรมจัดหาเงิน